18 มกราคม 2551

“ลูกจ๋าแม่ขอโทษ อย่าน้อยใจเลย”

หลังจากที่แพทย์พยาบาลได้ช่วยเหลือ “น้องจ๋า” อย่างเร่งด่วนจนเธอฟื้นคือสติและอยู่ในภาวะ
พร้อมที่จะพูดคุย
พ่อแม่ของน้องจ๋านำเธอส่งโรงพยาบาล เมื่อพบว่าน้องจ๋ากินยานอนหลับเข้าไปมากเกินขนาดและอยู่ในสภาพหลับใหลเรียกไม่ตื่น ระหว่างที่ยังไม่รู้ว่าชีวิตของน้องจ๋าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร สังเกตเห็นสีหน้าแววตาที่ตื่นตระหนักและวิตกกังวลของผู้เป็นพ่อแม่ ตราบจนกระทั่งแพทย์บอกว่า น้องจ๋าปลอดภัยแล้ว จึงเห็นสีหน้าที่ผ่อนคลายและได้ยินเสียงถอนหายใจจากพ่อแม่
น้องจ๋าเล่าให้หมอฟังว่าอยากกินยานอนหลับมากๆ น้อยใจแม่ คิดว่าแม่ไม่รัก ความคิดนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ รู้แต่ว่าสะสมมานานมากแล้ว”
คิดว่าแม่รักพี่ชายมากกว่าพี่ชายไม่ต้องช่วยทำงานบ้านอะไรเลย แต่แม่จะสั่งให้จ๋าทำทุกอย่าง
เวลาแม่ไปจ่ายตลาดก็จะถามพี่ชายว่าจะกินอะไรและซื้อมาฝาก ส่วนจ๋าเท่าที่จำได้แม่เคยถามเพียงครั้ง
เดียวและนานมาแล้วด้วย แม่ไม่เคยมีอะไรมาฝากจ๋าเลย ไม่เคยให้คำปรึกษาในการเลือกซื้อเสื้อผ้า ข้าว
ของเครื่องใช้ตั้งแต่เริ่มเป็นสาว แต่แม่กระตือรือร้นที่จะซื้อสิ่งของเหล่านั้นให้พี่ชายเสมอ”.
“ครั้งนี้ก็สุดจะทนแล้วขออนุญาตไปเที่ยวกับเพื่อนๆ แม่ก็ไม่ให้ไป ส่วนพี่ชายขออนุญาตไป
ไหนๆ แม่ก็อนุญาตให้ไปทุกครั้ง แม่ไม่รักก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม ขอเกิดมาเป็นลูกของแม่คนที่รักเรา
ชาติหน้าดีกว่า”
พร้อมกับเสียงสะอื้นของน้องจ๋า
แม่น้องจ๋านั่งฟ้งอยู่ห่างๆ ด้วยน้ำตาไหลอาบแก้ “โธ่ลูกเอ๋ย แม่ไม่รู้เลยว่าลูกจะน้อยใยเพียงนี้
การที่แม่ให้ลูกทำงานบ้านเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิง ควรเป็นงานบ้านงานเรือนโตขึ้นจะได้ดูแลบ้านได้
ถึงแม้ผู้หญิงสมัยนี้จะต้องทำงานนอกบ้าน หน้าที่ดูแลบ้านก็ทิ้งไม่ได้ ส่วนผู้ชายไม่รับผิดชอบงาน
อะไรในบ้านก็ไม่เป็นไร”
“ที่แม่ไม่ซื้ออะไรมาฝากลูก เพราะเห็นลูกบ่นว่าไม่อยากอ้วน เพื่อนๆ เขาผอมกัน เมื่อลูกโตแล้ว
แม่ก็ไม่อย่างก้าวก่ายเรื่องแต่งตัวของลูก กลัวว่าแม่จะเชยเกินไป ไม่เข้ากับรสนิยมวัยรุ่น ความจริงนั้น
แม่รักลูกสองคนเท่าๆ กัน ออกจะห่วงน้องจ๋ามากกว่าด้วย ไม่อยากให้ไปไหนไกลๆ กลัวเกิดอันตราย
กับน้องจ๋า กลัวจะไม่ทันคน ปกป้องตัวเองไม่ได้ ไม่นึกเลยว่าจะทำให้ลูกน้อยใยหาทางหนีจากแม่ไป”แม่เสียงสั่นและเข้ากอดน้องจ๋า

ไม่มีความคิดเห็น: